จดหมายฉบับสุดท้าย มันเปราะบาง มีคุณค่า และ คาดเดาไม่ได้ นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าชีวิต

จดหมายฉบับสุดท้าย มันเปราะบาง มีคุณค่า และ คาดเดาไม่ได้ นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าชีวิต

เรื่องราวนี้เริ่มต้นเมื่อ 4 มกราคม ค.ศ.2018 หรือ ประมาณ 5 ปีที่แล้ว หญิงสาวชื่อ ฮอลลี่ บุตเชอร์ วัยเพียง 27 ปี ในเมืองเกรฟตัน รัฐนิวเซาธ์เวล ประเทศออสเตรเลีย

ต้องจากโลกใบนี้ไปด้วยโรคมะเร็งที่ไม่ค่อยพบเห็นได้บ่อย Ewing sarcoma ซึ่งเป็นมะเร็งในกระดูกและเนื้อเยื่อ กว่าหญิงสาวจะรู้ก็เข้าสู่ระยะที่ 4 แล้ว เธอมีเวลาเพียง 1 ปี 3 เดือนที่จะได้ใช้ช่วงเวลาสุดท้ายบนโลก ซึ้งก่อนที่เธอจะจากไป เธอก็ได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงคนที่ยังมีชีวิตอยู่

มันแปลกที่ต้องเข้าใจและยอมรับอายุขัยตนในวัยเพียง 26 ปี วัน เวลา เป็นสิ่งที่ฉันต่างเพิกเฉย ฉันดำเนินชีวิตผ่านไปในแต่ละวัน

จนเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ฉันมักจินตนาการว่าในอนาคตฉันจะแก่ มีรอยเหี่ยวย่น และ ผมหงอกเป็นสีเทา ฉันวางแผนที่จะสร้างมันด้วยความรักในชีวิตของฉัน ฉันต้องการชีวิตแบบนั้นมาก

แต่ฉันคงไม่มีวันได้มีชีวิตอยู่จนแก่เฒ่าอีกแล้ว มันรู้สึกทรมานจนเจ็บปวดไปหมด นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าชีวิต มันเปราะบาง มีคุณค่า และ คาดเดาไม่ได้ มันทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่า ในแต่ละวันที่มีชีวิตอยู่คือของขวัญ

ตอนนี้ฉันอายุ 27 ปี ฉันไม่อยากจากโลกนี้ไป ชีวิตของฉันกำลังไปได้ดี ฉันกำลังมีความสุข ตอนแรกฉันคิดว่าฉันสามารถควบคุมทุกอย่าง และ จัดการปัญหาต่างๆในชีวิตได้ แต่ไม่มีใครควบคุมชะตาชีวิตของตนเองได้ทั้งนั้น

ฉันเขียนบันทึกนี้ไม่ใช่เพื่อให้เรากลัว แต่ฉันอยากจะบอกว่าการที่เราต้องหมดลมหายใจ คือความจริงที่คนเราส่วนใหญ่ต่างหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงมัน และ กลับถูกปฏิบัติเหมือนเป็นหัวข้อ ‘ต้องห้าม’ ในการพูดถึง

หลังจากที่ฉันรู้อายุไขของตัวเองอย่างแน่นอนแล้ว เหลือเวลาอีกแค่ 1 ปี กับอีก 3 เดือน หรือประมาณ 450 วัน ฉันจึงเลิกกังวลกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่มีความหมาย และ สร้างความเครียดในชีวิต ตัดเรื่องปัญญาอ่อนไร้สาระทั้งหมดไปซะ

ตอนนี้คุณอาจกำลังเผชิญปัญหารถติดบนท้องถนน นอนไม่หลับเพราะลูกน้อยแสนสวยของคุณ ช่างตัดผมทำผมคุณสั้นเกินไป เล็บที่ไปต่อมามีรอยแตก หน้าอกของคุณเล็กเกินไป มีเซลลูไลท์ที่บั้นท้าย และ ท้องของคุณปลิ้นไปมา ช่างมันเถอะ…!!!

ปล่อยเรื่องไร้สาระพวกนี้ไป ฉันสาบานว่าคุณจะไม่คิดถึงสิ่งเหล่านี้เลยเมื่อคุณรู้ตัวว่ากำลังจะจากโลกใบนี้ไป เมื่อคุณมองดูชีวิตทั้งหมด เรื่องเหล่านี้ที่ผ่านเข้ามาเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยยิ่งกว่าเถ้าธุลีในเตาเผาเราเสียอีก

เมื่อคุณปล่อยมันไปแล้ว ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ดูสิว่าท้องฟ้านั้นสีฟ้าแค่ไหน และ ต้นไม้เขียวขจีเพียงใด มันสวยงามมากเลย คิดดูสิว่าคุณโชคดีแค่ไหนที่ยังคงทำสิ่งเหล่านี้ได้

ฉันนั่งเฝ้าดูร่างกายร่วงโรยไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ทำอะไรไม่ได้ ฉันได้ยินคนบ่นว่าที่ทำงานเลวร้ายแค่ไหน หรือไปออกกำลังกายนั้นยากลำบากเพียงใด จงดีใจเถิดที่คุณยังคงมีเรี่ยวแรงมีพลังกาย การทำงานและการออกกำลังกายอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่สำคัญ จนกระทั่งถึงวันที่ร่างกายของคุณไม่สามารถทำมันได้อีกต่อไป

ดีใจเถิดที่ตนเองมีสุขภาพที่ดีและมีร่างกายที่ใช้งานได้ปกติ แม้ว่าขนาดรูปร่างของเราจะไม่ใช่อุดมคติก็ตาม แต่จงดูแลมันและดูสิว่ามันมหัศจรรย์แค่ไหน ออกกำลังกายและกินอาหารที่เป็นประโยชน์ แต่อย่าหมกมุ่นกับมันมากเกินไปล่ะ

จำไว้ว่าการมีสุขภาพที่ดีมีความหมายมากกว่าร่างกายที่แข็งแรง สิ่งสำคัญนอกจากการดูแลร่างกายคือการค้นหาความสุขทางจิตใจ ดูแลอารมณ์ และสุขภาพจิตของตน คุณจะตระหนักว่าสื่อสังคมออนไลน์ที่เต็มไปด้วยการอวดรูปร่างที่สังคมกำหนดว่าเพอร์เฟคนั้นไร้สาระและไม่สำคัญกับชีวิต เลิกติดตามเพจ หรือ อันเฟรน คนที่ทำให้คุณรู้สึกแย่เกี่ยวกับตัวเองไปซะ

ขอบคุณทุกวันที่คุณไม่มีอาการปวดใดๆ หรือแม้แต่วันที่คุณเป็นไข้หวัด เจ็บหลัง หรือข้อเท้าแพลง ขอบคุณที่มันเป็นเพียงอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต และ จะหายไปเอง

บ่นให้น้อยลง และ ช่วยเหลือเกื้อกูลกันให้มากขึ้น การได้ทำอะไรเพื่อผู้อื่นมีความสุขมากกว่าทำเพื่อตนเองจริงๆ ฉันหวังว่าฉันจะให้ได้มากกว่านี้ ตั้งแต่ฉันป่วย ฉันได้พบกับผู้คนที่ให้ฉันและใจดีกับฉันอย่างที่สุด ได้รับคำพูดที่ห่วงใยและรักใคร่ฉันที่สุด ฉันได้รับความรักจากครอบครัว จากเพื่อน และคนแปลกหน้า มันมากเกินกว่าที่ฉันจะตอบแทนได้ ฉันจะไม่ลืมสิ่งนี้และขอขอบคุณทุกคนตลอดไป

แปลกมากที่ฉันมีเงินใช้ตอนกำลังจะตาย นั่นเป็นเพราะฉันไม่ได้ออกไปซื้อสิ่งของตามปกติ เช่นเสื้อผ้าใหม่ๆ อีกต่อไป มันทำให้ฉันคิดได้ว่าเราเสียเงินไปมากมายเท่าไหร่ไปกับสิ่งของไร้สาระ เสื้อผ้า และ สิ่งของสิ้นเปลืองมากมายในชีวิตของเรา เพราะ ไม่มีใครสนใจถ้าคุณจะใส่เสื้อผ้าซ้ำ

ให้ความสำคัญกับเวลาของผู้อื่น อย่าปล่อยให้พวกเขารอเพราะคุณเป็นคนไม่ตรงเวลา เตรียมตัวให้พร้อมแต่เนิ่นๆ ถ้ารู้ว่าเป็นคนแบบนั้น จงยินดีที่เพื่อนแบ่งปันเวลาที่พวกเขามีร่วมกับคุณ หากคุณเคารพพวกเขา คุณจะได้รับความเคารพจากพวกเขากลับเช่นกัน

ลองจินตนาการว่าฉันพยายามที่จะซื้อของขวัญให้ตัวเอง โดยที่สุดท้ายแล้วเมื่อฉันจากโลกนี้ไป ในท้ายที่สุดแล้วของพวกนั้นฉันก็เอามันไปไม่ได้…!! ฉันจึงเลือกทุ่มเทให้กับการเดินทาง เช่นการไปชายหาดที่อยากไปแต่ไม่ไปเสียที จุ่มเท้าลงในน้ำ ไถนิ้วเท้าไปกับหาดทราย ล้างหน้าของคุณด้วยน้ำทะเล อยู่ท่ามกลางธรรมชาติให้มากที่สุด

ใช้ช่วงเวลาดื่มด่ำเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แทนที่มองมันผ่านหน้าจอมือถือของคุณ ชีวิตไม่ได้เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตผ่านหน้าจอ ชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับการได้ภาพถ่ายที่สมบูรณ์แบบ มีความสุขกับช่วงเวลาตรงหน้าเถิดทุกคน! เลิกถ่ายภาพเพื่อให้คนอื่นดูแทนที่ตนเองจะได้มีความสุขกับสิ่งตรงหน้าเสียที

ตื่นแต่เช้าบางวัน เพื่อฟังเสียงนกในขณะที่จ้องมองแสงสีอันสวยงามของดวงอาทิตย์เมื่อมันกำลังขึ้น ฟังเพลง ฟังเพลงช่วยคุณได้จริง ดนตรีคือการบำบัด ใช้เงินของคุณกับการซื้อประสบการณ์ หรือ อย่างน้อยก็อย่าใช้เงินทั้งหมดไปกับสิ่งไร้สาระจนไม่สามารถมีประสบการณ์ใดๆ

โอบกอดสุนัขของคุณด้วยความรัก ฉันจะคิดถึงมันมากๆเมื่อฉันจากไป วางโทรศัพท์ของคุณลง หยุดเล่นโซเชียลมิเดีย หรือ ถ้าวางมันลงไม่ได้ก็โทรคุยกับเพื่อนของคุณ พ่อแม่คุณ พี่น้องคุณซะ และ ถามพวกเขาว่าชีวิตช่วงนี้โอเคไหม…? เปิดใจรับฟังพวกเขาอย่างจริงใจ บอกคนที่คุณรักว่าคุณรักเขา ทุกครั้งที่มีโอกาส และ จงรักเขาด้วยทุกสิ่งที่คุณมี นั้นก็เป็นการมองประสบการณ์ดีๆให้คนรอบตัวได้แล้ว

จงเดินทางหากมันเป็นความต้องการของคุณ แต่อย่าเดินทางหากมันไม่ใช่

ทำงานเพื่อมีชีวิตอยู่ ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อทำงาน

ทำในสิ่งที่ทำให้หัวใจคุณมีความสุข

กินขนมหวานซะบ้าง แบบไม่ต้องรู้สึกผิดใดๆ

จงกล้าปฏิเสธสิ่งที่คุณไม่ต้องการจริงๆ

อย่ารู้สึกกดดันที่จะต้องทำในสิ่งที่คนอื่นคิดว่าเป็นการเติมเต็มชีวิต คุณอาจต้องการชีวิตธรรมดา ซึ่งก็ไม่เป็นอะไรเลยจริงๆ

จำไว้ว่าหากมีสิ่งใดที่ทำให้คุณเป็นทุกข์ คุณมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงมัน ทั้งในเรื่องงาน ความรัก หรืออะไรก็ตาม จงมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง คุณไม่รู้ว่าคุณเหลือเวลาบนโลกนี้อีกเท่าไหร่ ดังนั้นอย่าเสียเวลาไปกับความทุกข์ ฉันรู้ว่ามีคำพูดแบบนี้บ่อย แต่มันคงไม่จริงไปกว่านี้อีกแล้ว

นี่เป็นเพียงคำแนะนำในการใช้ชีวิตของสาวคนหนึ่ง จะเอาหรือจะไม่เอา ฉันไม่ว่าเลย…!! อ้อ และสุดท้าย ถ้าทำได้ ทำความดีเพื่อเพื่อนมนุษย์(และตัวเอง) การบริจาคโลหิตเป็นประจำจะทำให้คุณรู้สึกดีกับการช่วยชีวิตคนอื่น ฉันว่าการบริจาคเลือดเป็นเรื่องที่ใครหลายคนมองข้ามไป เพราะทุกๆ การบริจาคสามารถช่วยชีวิตคนได้ถึง 3 คน นั่นเป็นเรื่องราวที่ทำได้ง่ายและสร้างผลประโยชน์ได้มากจริงๆ

ฉันได้รับเลือดจากการบริจาค ( จำนวนถุงมากเกินกว่าที่ฉันจะนับได้ ) ซึ่งช่วยให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปี มันเป็นหนึ่งปีที่ฉันจะขอบคุณตลอดไป หนึ่งปีที่ฉันได้ใช้มันบนโลกนี้กับครอบครัว เพื่อน และสุนัขของฉัน มันคือหนึ่งปีฉันมีช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต จนกว่าจะพบกันใหม่… ฮอลลี่ บุตเชอร์