คน 3 แบบ ที่เราต้องเจอในที่ทำงาน อ่านจบพบทางปราบศัตรู

คน 3 แบบ ที่เราต้องเจอในที่ทำงาน อ่านจบพบทางปราบศัตรู

คน 3 แบบ ในที่ทำงาน

หนึ่ง คนที่ไม่ชอบขี้หน้าเรา ไม่ว่าเราจะทำดีแค่ไหนก็ตาม เขาก็จะไม่ชอบเราอยู่ดี

สอง คนที่ชอบเรา ไม่ว่าเราจะทำผิดพลาดมากแค่ไหนก็ตาม เขาก็รัก และ เป็นห่วงเราตลอด

สาม คนที่เฉยๆกับเรา ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม เราไม่เคยอยู่ในสายตาคนแบบนี้อยู่แล้ว

คนส่วนใหญ่มัก ทุ่มเทแรง และ เวลา ส่วนใหญ่ ให้กับคนที่ไม่ชอบเรา เพื่อพิสูจน์ตัวเอง พยายามเปลี่ยนศัตรูมาเป็นมิตร ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรอย่างมาก

สิ่งที่ถูกต้องที่เราควรทำคือ… ทุ่มเทความสนใจส่วนใหญ่ ไปให้กับคนที่ชอบเรา ให้ความสำคัญและใส่ใจเขาให้มาก

มีประโยคหนึ่งที่กล่าวว่า… ” คนเรามักใช้เงินที่หามาได้ด้วยความลำบาก ซื้อของที่พวกเขาไม่ได้ต้องการ เอาไปอวดคนที่ตัวเองไม่ชอบ เพื่อให้คนเหล่านั้นยอมรับในตัวเขา “

มนุษย์เป็นสัตว์ที่พยายามยกตัวเองว่าข้าดีที่สุด ข้าจึงต้องทำให้ทุกคนนั้นพึงพอใจ แต่หารู้ไม่นั้นคือความทุกข์..!!

เรื่องที่ไม่ควรพูด.. ก็ไม่ต้องพูด
เรื่องที่ไม่ควรยุ่ง.. ก็ไม่ต้องยุ่ง
เรื่องที่ไม่ควรคุ้ย.. ก็ไม่ต้องคุ้ย

แกล้งบอดบ้าง.. น้ำจะได้ไม่ไหลออกจากตา
แกล้งใบ้บ้าง.. ปัญหาจะได้ไม่เกิดจากปาก
แกล้งโง่บ้าง.. ความสูญเสียจะได้คงอยู่

เพราะอยากรู้.. พอรู้จึงสั่นไหว
เพราะอยากพูด.. พอพูดจึงเสียไป
เพราะอยากทำ.. พอทำจึงเสียใจ

อย่าทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดที่เรามี ไปให้คนที่ไม่ชอบขี้หน้าเราเลย เขาไม่สนเหตุผลอะไรทั้งนั้นหรอก และ เขาไม่ได้มาทุกข์ร้อนภายในใจกับเราด้วย

ทุกคนในโลกมีความดีในแบบของตนทั้งนั้น ใช้แรงใจของเราทั้งหมดมเทสนใจมองข้อดีของคนที่ชอบเรา รักเขา ชื่นชมเขา เข้าใจเขาและสนับสนุนเขา

ไม่ใช่เขาดีกับเรา แต่ดันไปเอาเปรียบเขา กดเขาให้ต่ำลง ให้เราอยู่เหนือเขา อย่าเปลี่ยน “มิตร” ให้เป็น “ศัตรู” ควรเปลี่ยน “ศัตรู” ให้เป็น “ครู” เพื่อฝึกฝน และ ขัดเกลาจิตใจ ให้ปล่อยวางจากเขาได้

ชีวิตแสนสั้น โฟกัสไปที่คนดีๆรอบตัวเราเถอะ ก่อนที่คนเหล่านั้นจะหายไปจากชีวิตคุณจนหมด มอบเวลา มอบสิ่งดีๆ กับคนดีๆที่อยู่รอบตัวเราดีกว่า

หากเราปฏิบัติต่อคนดีๆที่อยู่รอบตัวเราให้ดีแล้ว ไม่ช้าไม่นาน คนที่เฉยๆกับเรา ก็จะเริ่มอยากเข้าหาเรา อยากเป็นส่วนหนึ่งของมิตรภาพที่ดีที่เขาสัมผัสได้

คนที่ไม่ชอบขี้หน้าเราก็อาจจะใจอ่อนโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายก็จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ทุกคนอยากเข้าหาเราเอง ไม่จำเป็นต้องไปพิสูจน์อะไรอีก