ครูให้นักเรียนเป่าลูกโป่งคนละใบ แล้วเขียนชื่อตัวเองไว้
ในวันเลี้ยงฉลองปีใหม่ที่โรงเรียน มีการจัดงานปาร์ตี้ และ จับของขวัญที่โรงเรียน คุณครูนำลูกโป่งไปโรงเรียน และ ขอให้นักเรียนเป่าให้มันขยายเต็มใบ
หลังจากนั้นให้ครูให้นักเรียนแต่ละคนเขียนชื่อของพวกเขาบนลูกโป่งที่ตัวเองเป่า จากนั้นครูก็บอกให้นักเรียนโยนลูกโป่งทั้งหมดลงไปในโถงทางเดิน
ทุกคนต่างสงสัยว่าครูกำลังจะพาเล่นอะไร หรือ เป็นการจับของขวัญรูปแบบใหม่
จากนั้นครูก็กระจายลูกโป่งไปทั่วโถงทางเดิน และ บอกนักเรียนว่า… ” ให้เวลา 5 นาที เพื่อหาลูกโป่งที่มีชื่อของตัวเอง “
ใครที่หาเจอเป็นคนแรก จะได้รับรางวัลพิเศษจากครูไป เอาละ หนึ่ง สอง สาม…. เริ่มได้ !!!
นักเรียนต่างพากันวิ่งวุ่น เพื่อหาลูกโป่งที่มีชื่อของตัวเอง ต่างคนต่างก้มหน่้าก้มตาเก็บลูกโป่งขึ้นมาดู
พอเจอว่าไม่ใช่ชื่อตัวเองก็โยนทิ้ง แล้ววิ่งไปดูลูกถัดไป บ้างก็วิ่งชนกัน บ้างก็หัวโขกกัน บ้างก็สดุดขากันลุ้ม
ทุกอย่างดูวุ่นวายสับสนไปหมดจนกระทั่งหมดเวลา ไม่มีใครเจอลูกโป่งของตัวเองเลย…!!!
จากนั้นครูก็เป่านกหวีดเพื่อสงสัญญานบอกให้ทุกคนหยุด แล้วครูก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมาว่า…
” ให้ทุกคนหยิบลูกโป่งที่อยู่ใกล้ตัวเองที่สุด และ นำลูกโป่งไปให้คนที่มีชื่อบนลูกโป่งนั้น “
จากนั้นไม่ถึง 2 นาที ทุกคนก็มีลูกโป่งที่มีชื่อตัวเองอยู่ในมือ…!!
หลังจากการหาลูกโป่งจบลง คุณครูก็บอกกับนักเรียนว่า…
นี่คือรางวัลพิเศษจากครูที่จะมอบให้นักเรียนทุกคน นี่คือบทเรียนที่ทุกคนจะต้องจดจำไปตลอดชีวิต เพื่อนำไปปรับใช้ในอนาคตในการดำรงชีวิต
ลูกโป่งก็เหมือนสภาพสังคนที่ทุกคนเมื่อเรียนจบออกไปต้องพบเจอ ทุกคนต่างมัวแต่สนใจในเรื่องของตัวเอง รู้สึกอยู่ในการแข่งขันตลอดเวลาโดยไม่นึกถึงผู้อื่น ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ไม่มีน้ำใจไมตรีต่อกัน
ทำให้ทุกคนเจอกับสภาพสังคมที่วุ่นวายไปหมด เพราะ มัวแต่มองหาเป้าหมายของตัวเอง โดยไม่ใส่ใจคนรอบข้าง แต่ถ้าเรารู้จักที่จะใส่ใจผู้อื่นมากขึ้น และ ทุกๆคนคิดแบบนี้เหมือนกัน ก็จะได้เห็นสังคมในอีกรูปแบบ ที่ทุกคนมีน้ำใจต่อกัน